นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN กล่าวว่า TBN เกิดจากความเชื่อว่า Low-Code Development Platform (Low Code) ของ MENDIX นำมาใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยขับเคลื่อนในการทำ Digital Transformation จากประสบการณ์ที่อยู่กับเทคโนโลยีของ MENDIX มากว่า 18 ปี ทำให้ TBN มีบริการที่หลากหลายทั้งคลาวด์เทคโนโลยี และการพัฒนาแบบดั้งเดิม (High Code) TBN ตอบสนองลูกค้าองค์กรที่มีความต้องการโซลูชันที่เหมาะกับองค์กรที่สุด ปัจจุบันTBN ทำธุรกิจ ธุรกิจให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบดิจิทัลแบบครบวงจร บริษัทฯเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและพัฒนาโซลูชันตามความต้องการของลูกค้าโดยใช้ซอฟต์แวร์ Low-Code
“เราสามารถใช้ MENDIX ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในทุกระดับ จุดแข็งของ Low-Code ที่เรียนรู้ง่ายมีระบบควบคุมคุณภาพให้ ช่วยให้นักพัฒนาได้รับคุณภาพตามมาตรฐาน วัตถุประสงค์ของการใช้ Low-Code สามารถเพิ่มประสิทธิผลได้มากขึ้นใช้ทร้พยากรน้อย เหตุผลที่ TBN อยากเข้าตลาดหลักทรัพย์มาจาก Low-Code เทรนด์ได้กำหนดเวลาการตเติบโตของ Low-Code เทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี ขณะที่มีการคาดหมายว่าโปรแกรมเมอร์ทั่วโลกจะมีจำนวนลดลง เมื่อองค์กรต้อง Digital Transformation ทำให้จำนวนแอปพลิเคชันจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อนักพัฒนาน้อยลงองค์กรจึงมองหาเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วย Low-Code เทคโนโลยีช่วยได้ ด้วยเหตุนี้เราอยากทำให้ประเทศไทยเป็น Low-Code ฮับของเอเชีย ไฟแนนเชียลไทม์คาดว่า ภายในปี 2025 ร้อยละ 70 ของแอปพลิเคชันทั่วโลกจะพัฒนาด้วย Low-Code ล่าสุด TBN ได้รางวัล Top Mendix Partner in Asia Pacific และ Top SaaS demand generated partner in South East Asia ในงาน Siemens Converge Asia Pacific Executive Partner Forum 2023 (APEPF2023) เป็นการยืนยันความสำเร็จของ TBN ในการทำตลาด Mendix Low Code ในประเทศไทย “
นายปนายุ กล่าวอีกว่า เพื่อการเติบโตในอนาคต TBN จะสนอขายหุ้นจำนวน 25ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par value) 0.50 บาทต่อหุ้น มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อสนับสนุนให้ TBN มีศักยภาพและความพร้อมสูงในการเติบโตรองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
TBN จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน เช่น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อรองรับ Digital Transformation ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ใช้ในการเพิ่มจำนวนบุคลากร การพัฒนาระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับจำนวนโครงการและจำนวนบุคลากรที่เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น โดยระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2568 ด้วยความเชี่ยวชาญในการทำ Low-Code ทำให้ TBN มีจำนวนนักพัฒนาถึง 150 คน ด้วยแผนการระดมทุนและการขยายธุรกิจจะทำให้เรามีบุคลากรที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น ถึง 500-1000 คน มีความพร้อมที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เป็นกุญแจที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Low-Code Hub